สวัสดีค่ะ วันนี้บีลงโพสต์แนวใหม่ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่อง Luxury Travel หรือ Extreme Sports เลยแต่รับประกันว่าจะเป็นโพสต์ที่น่าสนใจและได้ความรู้กันแน่ ๆ ค่ะ
เรื่องของเรื่องคือ ตอนนี้ Bee’s Journey มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต นั่นก็คือ บีตั้งครรภ์แล้ว! เป็นลูกคนแรกเลย ด้วยความที่ก่อนตั้งท้อง บีไม่ได้มีการเตรียมตัวหรือศึกษาหาข้อมูลล่วงหน้าไว้ก่อนเท่าไหร่เลย พอท้องขึ้นมาก็เลยรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันน่าตื่นเต้นมาก และทุก ๆ วันได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เยอะ จึงคิดว่าเอามาเขียนลงบล๊อกไว้เลยดีกว่า และหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อว่าที่คุณแม่ทั้งหลายด้วยค่ะ
ก่อนอื่นขอท้าวความก่อนว่า บีและคุณเบน สามีสุดที่รัก แต่งงานกันเมื่อเดือน November 2019 นี้เอง มีรูปมาให้ดูกันนิดหน่อยด้วย
และตอนแรก พวกเรากะกันว่าปีนี้เราจะไปเล่น Surf กันก่อน (surf season จะเป็นช่วงปลาย April ถึง October) และลองเริ่มปล่อยเพื่อมีลูกซักประมาณเดือน July August แต่สงสัยร่างกายเราทั้งสองคนจะแข็งแรงสมบูรณ์ได้ที่กันมาก เลยตั้งครรภ์เร็วกว่าที่คาดไว้หลายเดือนเลยค่ะ 555
เอาหล่ะค่ะ บีจะเริ่มเล่าเรื่องประสบการณ์การตั้งครรภ์ ไตรมาสที่ 1 ตาม Timeline เลยนะคะ
First day of Last Period: 14 Feb 2020
ก่อนอื่น วันสุดท้ายของรอบเดือนบี คือวันศุกร์ที่ 14 Feb 2020 นะคะ วันนั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษ เป็นวันที่ขึ้นเครื่องที่ญี่ปุ่นกลับมาที่ไทย หลังจากทริป Snowboard สุดถึก 3 อาทิตย์รวดค่ะ
Annual Health Check: 9 March 2020
วันนี้บีมีนัดตรวจสุขภาพประจำปีทั่วไปที่โรงพยาบาลสมิติเวช โดยส่วนหนึ่งของ Package นี้ คือมีการตรวจภายใน Ultrasound ทั้งด้านบนท้องและภายในด้วยค่ะ
ตอนที่ทำ Ultrasound คุณหมอก็ถามว่า “เอ๊ะ ประจำเดือนครั้งสุดท้ายมาเมื่อไหร่ ผนังมดลูกหนานะคะ ไม่ได้ท้องใช่ไม๊คะ” ซึ่งบีก็ตอบไปว่า ไม่ค่ะไม่ ๆๆๆๆๆๆๆ ไม่น่าจะค่ะ ประจำเดือนน่าจะใกล้มาแล้วค่ะ คุณหมอเลยบอกอ๋อ ถ้างั้นก็คงเป็นเหตุผลที่ผนังมดลูกหนาค่ะ แต่นี่ถือว่าหนามากใช้ได้นะ มดลูกน่าจะแข็งแรงมาก ๆ
วันนั้นบีเองก็ไม่ได้เอะใจค่ะ ตรวจสุขภาพเสร็จเที่ยง บ่ายก็ฉีกวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไป จากนั้นกลับบ้านก็เหนื่อยมากเลย คืนนั้นหลับลึกมากไม่กระดิกเลยค่ะ จากนั้นก็เหนื่อย ๆ ต่ออีกเป็นวัน ๆ ยังคิด ๆ เลยว่านี่มันคือผลข้างเคียงของวัคซีนเหรอ?
Late Period – ประจำเดือนมาช้า| 12-15 March 2020
ในช่วง 3-4 วันนี้ รู้สึกตะหงิดตะหงิดว่าทำไมประจำเดือนไม่มาซักที ประกอบกับมีอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นค่ะ:
- กินเยอะขึ้นและหิวบ่อยขึ้น มีวันนึงไปร้านอาหารอิตาเลี่ยน กินขนมปังไปเยอะ กินสลัด กิน pizza ไป 5 ชิ้นและ pasta อีกจานกว่า ๆ กินเสร็จแล้วยังรู้สึกหิว ๆ อยู่ ยังอยากกินต่ออีก แต่เบรคตัวเองไว้ค่ะ
- ท้องผูกติดกันหลายวันโดยไม่มีสาเหตุ (ปกติโดยธรรมชาติถ่ายวันละหลายรอบค่ะ ถ้าถ่ายวันละ 2 รอบนี่ถือว่าท้องผูกละ 555)
- หน้าอกรู้สึกนุ่ม ๆ และเจ็บ ๆ คัด ๆ ซึ่งปกติช่วงประจำเดือนมาก็ไม่ได้รู้สึกชัดเจนขนาดนี้ค่ะ
- รู้สึกว่าหน้าตาสวยขึ้นมาก 😛 55555555 อยู่ดี ๆ ก็สวยและ glow แม้ยามหน้าสดและผมยุ่ง
Home Pregnancy Test | 16 March 2020
พอประจำเดือนมาช้าไป 4 วัน บีก็ตัดสินใจไปซื้อ Home Pregnancy Test จากร้านขายยาหน้าบ้านมาลองตรวจที่บ้านดูค่ะ โดยตรวจตั้งแต่ 05.30น วันที่ 16 นี้เลย ซึ่งก่อนหน้านี้วันสองวันบีก็พูด ๆ กับคุณเบนไว้แล้วว่า “I think there is a possibility I might be pregnant” นะ ซึ่งตอนนั้นทั้งบีและคุณเบนก็กึ่ง ๆ ดีใจและกึ่ง ๆ งง ๆ ตกใจ ๆ แบบไม่ได้เตรียมตัวค่ะ
ตรวจปุ๊บ รอแค่ 2 นาที เส้นคู่ก็ขึ้นชัดเจนเลย คุณเบนตื่นพอดี เลยเอาแท่ง pregnancy test ให้ดู และบอกเค้าว่า “So, I really am pregnant”
และเช้าวันนั้น บีต้องไปพาคุณแม่ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิทพอดี พอไปถึงเลยบอกคุณหมอของครอบครัวเรื่องของบี คุณหมอจึงแนะนำ refer บีให้ไปเป็นคนไข้ของคุณหมอ รัตนาภรณ์ ลีลาวิวัฒน์ ซึ่งท่านเป็นอาจารย์หมอระดับอาวุโสของ Women’s Health Center ของโรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิทเลยค่ะ ซึ่งคุณหมอนัดให้เข้าพบวันที่ 20 มีนาคม 2563
Full Pregnancy Test และฝากครรภ์ | 20 March 2020
วันนี้บีมาเข้าพบคุณหมอและตรวจ Full Pregnancy Test ค่ะ โดยขั้นแรกเลยมีการเก็บปัสสาวะ เจาะเลือด และตรวจ Ultrasound และคุณหมอถามว่าวันแรกของประจำเดือนรอบสุดท้ายคือวันที่เท่าไหร่ ซึ่งก็คือวันศุกร์ที่ 14 Feb 2020
ถึงการตกไข่จะเกิดขึ้น 14 วันหลังจากวันแรกของรอบเดือน แต่ในการนับอาทิตย์การตั้งครรภ์ จะนับว่าวันแรกของประจำเดือนรอบสุดท้ายถือว่าเป็นวันแรกของการตั้งครรภ์ค่ะ เพราะสามารถตรวจได้ว่าการปฏิสนธิเกิดขึ้นเป๊ะ ๆ วันที่เท่าไหร่กันแน่
เพราะฉะนั้น Pregnancy Day 1 ของบีคือวันศุกร์ที่ 14 Feb 2020 ค่ะ
และคุณหมอก็คาดเดาว่า วันปฏิสนธิ หรือ Conception (2 weeks pregnant) น่าจะอยู่ระหว่างวันที่ 1-3 March 2020
มาดู Pregnancy Chart ด้านล่างและทำความเข้าใจกันก่อนนะคะ ว่า การนับอาทิตย์ นับเดือน นับไตรมาสนั้นนับกันอย่างไรค่ะ
1st Ultrasound | 20 March 2020 @ 4 weeks 6 days
วันนี้เป็นการตรวจครรภ์ Ultrasound ครั้งแรกเลย ซึ่งอายุครรภ์นับเป็น 5 อาทิตย์ (แต่ในความเป็นจริง baby มีอายุแค่ 3 อาทิตย์เองค่ะ เพราะ 2 อาทิตย์แรกยังไม่ได้ตกไข่เนอะ)
ทั้งบีและคุณเบนแปลกใจมาก เพราะไม่คิดว่าแค่ 5 อาทิตย์จะเห็น baby แล้ว แต่จะเห็นเป็นถุง Gestational Sack เล็ก ๆ เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.92cm และถุงอาหารสำหรับ baby ตามรูปเท่านั้นนะคะ
ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมแทรกไว้ ณ ที่นี้ซักนิดนะคะ โดยปกติแล้ว
Gestational Sack หรือ ถุงการตั้งครรภ์ จะตรวจเห็นได้โดย Ultrasound ในอายุครรภ์ 4 week นิด ๆ
Yolk Sack หรือ ถุงไข่แดง จะตรวจเห็นได้โดย Ultrasound ในอายุครรภ์ 5 week
Fetal Pole หรือ ตัวอ่อนทารก จะตรวจเห็นได้โดย Ultrasound ในอายุครรภ์ 6 week ซึ่งตอนนี้จะตัวอ่อนจะตัวเล็กมาก ๆๆๆ และอาจจะสามารถเห็นการเต้นของหัวใจได้ด้วยค่ะ (กรี๊ดดด)
นอกจากนี้ บีมีการตรวจเลือกเช็คระดับฮอร์โมนการตั้งครรภ์ และยังตรวจอะไรอีกเยอะมากทั้งบีและคุณเบน รวมทั้งตรวจด้วยว่าติดเชื้อเอดส์กันหรือเปล่า และบีก็ขอ confirm ไว้ ณ ที่นี้เลยว่า ทั้งบีและคุณเบน ไม่ได้เป็นเอดส์ค่ะ 5555555
และก่อนคุณหมอก็นัดอีกทีอาทิตย์ถัดไป เพื่อมาฟังผล และตรวจ Ultrasound อีกครั้งเพื่อดูว่าตัว baby ยังอยู่ไม๊ (ช่วงนี้เป็นช่วงที่หลุดง่ายมาก ๆ คุณหมอเลยขอเช็คบ่อยหน่อยค่ะ) และอธิบายว่า บาง case มี yolk หรือถุงอาหารของ baby แต่ไป ๆ มา ๆ ตัว baby ไม่มีการเจริญเติบโตค่ะ
วิตามิน ดี ต่ำมาก – อ้อ ลืมบอกไปว่า คุณหมอเห็นผลเลือดจากการตรวจสุขภาพเมื่อวันที่ 9 มี.ค. ก็ตกใจหน่อย เพราะ Vitamin D level ในเลือดต่ำกว่าเกณฑ์มาก คือแค่ 17 ng/ml เอง ซึ่งปกติอย่างน้ออออออยยยที่สุดควรไม่ต่ำกว่า 30 ng/ml แต่ถ้าระดับ International เค้าให้ไม่ต่ำกว่า 40 ng/ml เลยค่ะ) คุณหมอเลยให้ทาน Vitamin D3 เม็ดและ 10,000IU สัปดาห์และเม็ดค่ะ
คุณเบน สามีสุดที่รักก็เป็นห่วงมากที่ระดับ Vitamin D ในเลือดของบีต่ำมาก เลยอ้อนวอนให้บีลงไปอาบแดดยามเช้าที่สระน้ำคอนโดทุกวัน วันละ 15-20 นาทีเพื่อรับ Vitamin D จากแสดงแดดค่ะ หวังว่าจะช่วยเพิ่มระดับเข้าไปอีกด้วย
2nd Ultrasound | 1 April 2020 @ 6 weeks 5 days
วันนี้คุณหมอนัดให้เข้ามาตรวจ Ultrasound ดีที เพื่อให้แน่ชัดว่าจากครั้งก่อน มีตัว Fetal Pole เกิดขึ้นแบบที่เห็นได้จริง ๆ (คราวก่อนจะเห็นค่ะ ถุง Gestational Sack และ Yolk Sack ค่ะ)
ตรวจ Ultrasound ครั้งนี้ ของ Fetal Pole หรือ เจ้า baby ตัวเล็ก ขนาดใหญ่กว่า 0.96mm แล้ว (ขนาดเท่ากับมาตรฐานประมาณ 7 week) และที่สำคัญ เห็นตัว baby เป็นติ่งเล็ก ๆ ออกมา และเห็นการเต้นของหัวใจของ baby แล้ว!!! อายุ baby แค่นี้ หัวใจจะยังไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างนะคะ จะเป็นแค่หลอด แต่มีการเต้นตึ๊บ ๆๆๆ ถี่ ๆ แต่ทั้งคุณหมอ Ultrasound และคุณหมอครรภ์ของบี บอกว่า เต้นอย่างแข็งแรงมาก baby ดูสุขภาพดึมาก ๆ ค่ะ 😀
สำหรับ Baby Bump นั้น ยังไม่แสดงเลยค่ะ จะเห็นได้ว่าหน้าท้องเริ่ม firm น้อยลงเล็กน้อย เพราะตั้งแต่ต้นเดือน หิวมาก กินเยอะมาก และไม่ค่อยได้ออกกำลังกายค่ะ
คุณหมอให้เน้นทานและหลีกเลี่ยงอาหารอะไรบ้าง ตลอดการตั้งครรภ์?
คุณหมอของบีจะขึ้นชื่อเลยว่าเป็นอาจารย์หมอที่ strict และเข้มงวดมากค่ะ ซึ่งสำหรับบี บีว่าดีมากจริง ๆ
- คุณหมอเน้นให้ทานโปรตีนเยอะ ๆ โดยเฉพาะปลาและไข่ขาว ทานหมูได้ห้ามมัน
- ปลาให้พยายามทานปลาที่มีไขมันปลา Omega 3 เยอะ เช่น ตระกูล Mackerel (บีจะชอบปลา Shima Hokke และ Saba ของ Ootoya ค่ะ) ปลา Salmon ก็มีไขมันดี ๆ เยอะค่ะ แต่ทานเยอะไปก็ไม่ดีเพราะอาจะมี Mercury หรือสารปรอทเยอะหน่อย
- ให้ทานผักใบเขียวเยอะ ๆ เช่น ผักโขม Broccoli ถั่วแระก็ดีมาก แต่
- หลีกเลี่ยงผักคะน้าเพราะสารเคมีเยอะมาก ๆๆๆ
- หลีกเลี่ยงไก่เพราะฮอร์โมนเยอะ และเนื้อวัวจะย่อยยากกว่าเนื้อหมู
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน น้ำตาลและสารเคมี
- ห้ามกินเค็ม
- ส่วนแป้ง ให้ทานพวกที่มี Glycemnic Index ต่ำ เช่น ข้าวกล้อง wholewheat bread & pasta
- งดทุกอย่างที่ดิบ (รวมไปถึงพวก cold cuts, ham, smoked salmon, pate, etc) พวกเนยแข็งก็ห้ามกินที่ไม่ pasturised หรือผ่านการฆ่าเชื้อด้วย เพราะฉะนั้น soft cheese ส่วนใหญ่ เช่น Brie, Camenbert, Blue Cheese, Mascarpone, etc. อดหมด (อดทาน Tiramisu ด้วย!!!)
- Pasturised Cream Cheese ท่านได้ เป็น soft cheese ที่ผ่านการฆ่าเชื้อหรือแล้วเพราะฉะนั้นทานได้ เช่น Philadephia cream cheese ที่ขายทั่วไปตาม super ใกล้ ๆ พวกเนย (แต่คุณหมอก็ไม่อยากให้ทานอยู่ดีเพราะไขมันสูง แง๊)
- และแน่นอน Alcohol และ Caffeine ก็งดค่ะ ชาต่าง ๆ กับ Chocolate คุณหมอก็ไม่ให้ทานเลยค่ะ (ถึงแม้คุณหมอและนักวิจัยหลายคนจะบอกว่า คนท้องทาน caffiene ได้วันและไม่เกิน 200mg และทาน alcohol ได้บ้าง แต่จริง ๆ ก็มี research ออกมาด้วยว่า ไม่มี safe amount สำหรับเจ้าตัวเล็ก นะคะ อีกอย่างทั้ง caffeine และ alcohol ทำให้ร่างกายของเรา dehydrate หรือขาดน้ำด้วย ซึ่งอาการ dehydrate ก็จะไม่ดีกับระบบร่างกายของเรา แล้วเราจะไปเสี่ยงดื่มทำไม รอ 9 เดือนรอได้ค่ะ)
- สำหรับใครที่อยากทานชาที่ไร้ caffeine แต่ยังได้รสชาติชาอยู่ บีแนะนำให้ลอง Rooibos / Redbush Tea นะคะ รสชาติและสีคล้าย ๆ ชาไทย แต่เป็นชาจากทวีป Africa มี Anti-oxidant สูงมาาาากกก รอง ๆ ลงมาจาก Green Tea เลย แต่ไม่มี caffeine ค่ะ
- และชาญี่ปุ่น Hochija ก็มี caffeine ต่ำมากจนอยู่ใน category ของชาไร้ caffeine ค่ะคะ
Week 7 – Week 12 | General Overview
ช่วงไตรมาสแรกนี้ทานวิตามินอะไร?
คุณหมอสั่งเลยว่า ในช่วง 3 เดือนแรกหรือไตรมาสที่ 1 ไม่ต้องทานวิตามินอะไรทั้งสิ้น (เอาไว้ทานใน 2nd Trimester) และทานอาหารให้มีประโยชน์อย่างเดียวตลอดการตั้งครรภ์ อะไรที่ไม่ดี หรือ ไม่ได้มีประโยชน์ก็ไม่ต้องไปทานค่ะ
ให้ดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง?
เนื่องจาก 3 เดือนแรก เป็นช่วงที่ลูกหลุดง่าย เพราะ placenta หรือรกกำลังถูกสร้างและยังจะสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์จนครบ 3 เดือน ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษค่ะ หมอหลาย ๆ ท่านจะให้ออกกำลังกายเบา ๆ ได้ หมั่นว่ายน้ำและเดินออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 15 นาที แต่คุณหมอของบีสั่งห้ามเลย ห้ามออกกำลังกายเด็ดขาด (โยคะก็ห้ามค่ะ) ห้ามเดินเยอะ หลีกเลี่ยงการเดินขึ้นลงบันไดด้วยค่ะ
How was I feeling? บีรู้สึกอย่างไรบ้าง?
ช่วง Week 6 -12 นี้ เป็นช่วงที่บีเพลียมาาาาาากกกกกกก เพราะร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ (จริง ๆ ตลอดการตั้งครรภ์นี่ร่างกายเปลี่ยนแปลงตลอด 555) ปริมาณ Blood Volume ในร่างการเพิ่มขึ้น 50% มีการสร้างรก placenta จากที่บีได้ชื่อว่า อึด ถึก บ้าพลัง เล่นกีฬา extreme ตลอดเวลาไม่มีเหนื่อย กลายเป็นเหนื่อยง่ายมากและเหนื่อยตลอดเวลา เดินแค่ 50 ก้าวก็ต้องหยุดพักเพราะหอบ ยิ่งมีวันนึงวิ่งขึ้นบันได 2 ชั้น (อย่าบอกคุณหมอนะ!!!) พอเสร็จแล้วหอบหนักมาก พูดอะไรไม่ได้ไปเป็นนาทีเลยค่ะ
นอกจากนี้ ช่วงนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนต่าง ๆ เยอะมาก ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณแม่ปลายคนมีอาการแพ้ท้องค่ะ
Did I experience any Morning Sickness? บีแพ้ท้องบ้างหรือเปล่า?
พูดถึงเรื่องการแพ้ท้องหรือ Morning Sickness แล้ว บีเป็นคนที่โชคดีมาก ๆ บีไม่มีอาการคลื่นไส้แพ้ท้องเลย มีแค่กลิ่นกระเทียมหรือแกงกะหรี่เท่านั้นที่ได้กลิ่นแล้วรู้สึกว่าไม่ชอบ เหม็น แต่ไม่ถึงกับคลื่นไส้ค่ะ
แต่!!! บีกลับหิวตลอดเวลา และกินเยอะขึ้นกว่าปกติ 3 เท่า
เช้า กินอาหารเช้าช่วง 08.00 และ 10.00
เที่ยง กินมือใหญ่ช่วง 12.00 – 13.00
บ่าย กินของว่างเยอะ ช่วง 15.30-16.00
เย็น กิน 2 มื้อ 18.00 และ 20.30 พร้อมกิน snack ก่อนนอนประมาณ 11.30
มื้อใหญ่เสริม มีถ่างตาขึ้นมากินช่วง 03.30-04.30 โดยกินจริงจังมากค่ะ เช่น ข้าวผักบุ้งผัดเต้าหู้ไข่ดาว บ้าง พาสต้าบ้าง แซนวิชบ้าง ฯลฯ
แบบนี้วนไปเรื่อย ๆ เป็นอาทิตย์ค่ะ
อ้อ และยังตื่นมาเข้าห้องน้ำคืนละ 6-7 ครั้งด้วย เพราะช่วง 1st Trimester มดลูกจะกดทับกระเพาะปัสสาวะค่ะ แต่ละวันเลยเหนื่อยและมึน ๆ ง่วง ๆ หน่อยค่ะ
22 April 2020 @ 8 weeks 5 days
วันนี้เป็นวันที่บีและคุณเบนดีใจมาก เพราะเข้าไปตรวจครรภ์กับคุณหมอ นึกว่าแค่เข้าไปคุยแต่คุณหมอมีการใช้เครื่อง Doppler ช่วยขยายเสียงหัวใจของ baby ให้ฟังค่ะ
โดยตอนแรกคุณหมอบอกว่า ลองดูนะคะ ไม่แน่ใจว่าจะได้ยินไม๊ เพราะยัง Early มาก ๆ baby ยังอ่อนมาก ๆ อายุไม่ถึง 9 อาทิตย์
แต่พอเครื่องมาโดนท้องไม่นาน โอ้โห้ เสียงหัวใจมากเต็มที่ Baby’s Heartbeat หัวใจเต้นแรงมาก @140 bpm เสียงดังฟังชัดเต้นแรงมาก ๆ ค่ะ คุณหมอยกนิ้วให้เลยบอกว่า Very healthy Very good! คุณพ่อนี่ถึงกับน้ำตาไหลเลยยยยยย
แต่ระดับ Vitamin D ในเลือดของบีนี่สิ ขึ้นมานิดเดียวเอง จาก 17 ng/ml เป็น 24 ng/ml คุณหมอเลยสั่ง Vitamin D3 ให้ จากทานอาทิตย์ละ 10,000IU เป็นอาทิตย์ละ 10,000IU x 2 รวมเป็น Vitamin D 20,000IU ต่ออาทิตย์ค่ะ
NIPT TEST | 7 May 2020: 11weeks 6 days
วันสำคัญ! Test นี้ถือเป็น Test ที่พิเศษมาก และ แพงมาาาาาาาาากกกกกกกกค่ะ 555 แต่
ก่อนอื่น อธิบายก่อนเลยว่า NIPT ย่อมาจาก None-Invasive Prenatal Testing (Down Syndrome Screening) คือการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์จากเลือดของคุณแม่โดยตรงเลย ซึ่ง Test นี้ เป็น standard test ที่หลายประเทศทั่วโลกจะให้ทำ ในกรณีที่คุณแม่ตั้งครรภ์ตอนอายุประมาณ 35 ขึ้นไป (บี 34 ค่ะ)
อ้อ สมัยก่อนถ้าจะตรวจสแกนด์ Down Syndrome นี่เค้าต้องเอาเข็มใหญ่ ๆ ยาว ๆ เจาะท้องเข้าไปดูดน้ำคร่ำออกมาเลยนะคะ น่ากลัวมาาาาากกกกกก มีรูปตัวอย่างมาให้ดูกันด้านล่างค่ะ
วันนั้นที่บีไปเจาะเลือด ไม่ต้องงดน้ำงดอาหารค่ะ เจาะได้เลย แต่ต้องรอผลตรวจอีก 2-3 อาทิตย์ เพราะทางโรงพยาบาลต้องส่ง sample เลือดออกไปตรวจใน lab เฉพาะทาง
Highlight ของวันนี้ คือ การได้ทำ Ultrasound แบบละเอียด ทำตั้งครึ่งชั่วโมง ความพีคคือ บีและคุณเบน ไม่คิดว่าตัวน้อย อายุแค่ 12 อาทิตย์จะเห็นอะไรเป็นรูปร่างเป็นตัวเป็นตน แต่!!! พอ Ultrasound ปั๊บ เห็นตัว baby เป็นรูปร่าง baby เลย ทึ่งมาก ๆ และตื้นตันมาก ๆ ค่ะ คุณเบนร้องไห้กลั้นน้ำตาไม่อยู่เลย สะอึกสะอื้นอยู่นาน Baby รูปร่างลักษณะและมีการขยับเขยื้อนตัวอย่างไร ลองมาดูตัวอย่างกันด้านล่างนะคะ
จากการดู Ultrasound อย่างละเอียด ลักษณะและขนาดต่าง ๆ ของ baby ไม่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค Downsyndrome นะคะ และการเจริญเติบโตทุกอย่างปกติดีและแข็งแรงมาก
แต่อย่างไรก็ตาม คุณหมอก็ชี้แจงว่า การตรวจ Ultrasound นี้แม่นยำเพียงแค่ประมาณ 80% ต้องรอผลตรวจเลือด NIPT อีก 2-3 อาทิตย์ถึงจะได้ผลที่แม่นยำจริง ๆ ค่ะ และผลพลอยได้จากการตรวจ Down Syndrome Screening นี้ ก็คือเราจะได้ทราบเพศของเจ้า baby ตัวเล็กของเราด้วย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม!!! (สมัยก่อนต้องรอ Ulatrasound เวลาอายุครรภ์ประมาณ 20 week ถึงจะรู้เพศ และก็อาจจะไม่แม่ยำ 100% ด้วยว่าเป็นเพศไหนนะคะ)
ปกติแล้ว ตัวอย่าง sample เลือดจะถูกส่งนำไปตรวจที่ Lab ในประเทศสหรัญอเมริกาเลย แต่เนื่องด้วยช่วงนั้นเป็นช่วง Covid-19 พอดี ทางโรงพยาบาลก็ส่งไปตรวจที่ Lab เฉพาะทางในประเทศไทยเอง ซี่งมีเครื่องมือ บุคลากรและมาตรฐานต่าง ๆ สูงระดับ International ค่ะ
พอ Ultrasound เสร็จ ก็เข้าพบคุณหมดที่บีฝากครรภ์ด้วย Baby ตัวเล็กหัวใจเต้นแรงเสียงดังฟังชัด Baby’s Heartbeat @ 160 bpm นะคะ แต่ผลเลือดบีบ่งว่า Vitamin D ยังไม่ค่อยเด้งขึ้นมาอีกเลยแม้แต่นิดเดียว ยังเป็น 24ng/ml เอง คุณหมอเลยให้ทาน VitD3 เพิ่มจาก อาทิตย์ละ 20,000IU เป็น 30,000IU ค่ะ
ช่วงนี้ทานวิตามินอะไร?
เนื่องจากบีกำลังจะเข้าไตรมาสที่ 2 แล้ว คุณหมอจึงให้เริ่มทาน Prenatals Vitamin ต่าง ๆ สรุปไว้ที่ด้านล่างตรงนี้นะคะ
- Vitamin D3 10,000ID x 3 time per week (เพราะวิตามิน D ยังต่ำอยู่มาก) สำหรับ Vitamin D โดสสูงอย่างนี้ ร้านขายยาไม่มีขายนะคะ ทาง Lab สมิติเวชทำเองค่ะ
- Folic Acid 5mg everyday (บีต้องทานเยอะ เพราะเม็ดเลือด Haemoglobin E trait ค่ะ) สำหรับ Folic Acid 5mg บีจะซื้อเองเป็นแผง ๆ จากร้านขายยาทั่วไป จะราคาถูกกว่าในโรงพยาบาลมาก ๆๆๆๆ ค่ะ
- Prenatals Vitamin (Obimin AZ) everyday
- Fish Oil Omega 3 DHA 1000mg everyday (เพื่อบำรุงสมอง Baby ตัวเล็ก) บีซื้อเอง ของ Blackmore ค่ะ
- Iron ของ OroFer ธาตุเหล็ก 100mg everyday (บีมีอาการเลือดจางค่ะ)
ทีนี้คุณหมอบอกว่า อาการข้างเคียงของการทานธาตุเหล็กเสริม คือ จะทำให้ท้องผูก พอบีได้ยินก็อยากจะร้องไห้ เพราะที่ผ่านมาก็ผูกจะแย่อยู่แล้ว ฮือ ๆ #แล้วฉันจะมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้อย่างไร คุณหมอเลยแนะนำให้ทาน Agiolax Laxative Granules ทานทุกคืนก่อนนอนค่ะ
Agiolax เป็น stool softener ที่ไม่ส่งผลให้ลำให้บีบตัว เป็น fiber ผสมกับ Senna หรือชามะขามแขกปริมาณที่น้อยมาก ๆ ถือว่าอ่อนมาก ๆ เพราะฉะนั้นทานแล้วจะไม่มีการปวดท้องมวน ปวดตะคริวหรือปวดบิดเหมือนเวลาเราทานยามะขามแขกแรก ๆ เหมาะและปลอดภัยสำหรับคนท้องมากค่ะ สำหรับ Agiolax นี้บีสั่งซื้อเองนอก ร.พ. เพราะราคาจะถูกกว่าค่ะ บริษัทที่บีสั่งซื้อ ชื่อ Be Better Pharm ค่ะ >>> https://www.bebetter.co.th/shop/agiolax-granules-100-g/
Week 13: Last week of 1st Trimester | General Overview
ช่วงส่งต่อจากไตรมาสที่ 1 เข้าสู่ไตรมาสที่ 2 นี้ ภายในอาทิตย์เดียวนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเแบบที่เห็นได้ชัด คือ
- ช่วงนี้เริ่มตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำแค่ครั้งละ 2-3 ครั้ง จากเดิม 6-7 ครั้ง
- บีเริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้น แข็งแรงและมีกำลังวังชาขึ้น อาหารเหนื่อย ง่วง เพลีย เริ่มซาลง
- อาหารหิวบ้าระห่ำเริ่มซาลง ยังหิว กินเยอะและกินบ่อยอยู่ แต่ไม่ถึงกับหน้ามืด ตาลาย แบบชั้นหิวมากชั้นต้องกินตอนนี้!!! ไม่มีแล้ว
- น้ำหนักขึ้นมาทั้งหมดตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไม่ถึง 2 โลค่ะ แต่น้ำหนักไม่ได้ลดเลยเพราะไม่ได้มีอาการแพ้ท้อง บีดูมีเนื้อมีหนังขึ้นและ firm น้อยลง แต่ Baby Bump ยังไม่ค่อยออกอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม คุณหมอก็แนะนำไว้ว่า อย่าเพิ่งไปออกกำลังกายนะ อย่าเดินเยอะนะ รอให้ลูกเตะก่อนค่อยเริ่มกิจกรรมได้ ช่วงนี้ก็สบาย ๆ กินอาหารและวิตามินบำรุงไป อย่าทานเค็ม และให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ ทุกวัน
พอบีรู้สึกสบายขึ้น เลยออกทริปไปหัวหินกับคุณเบนสามีสุดที่รักและคุณพ่อคุณแม่ไปซะเลย มีรูป Baby Bump ที่ดูไม่ค่อยเห็นว่าเป็น Bump มาลง ปิดท้ายโพสต์นี้ให้ดูกันด้านล่างค่ะ
รอติดตามโพสต์ต่อไป My Pregnancy Journey – 2nd Trimester | การตั้งครรภ์ครั้งแรก ไตรมาสที่ 2 ของ Mama Bee กันนะคะ อย่าลืม subscribe blog หรือ Follow บน FB IG จะได้ไม่พลาดกันนะคะ 🙂
Bee’s Journey Facebook Page: https://www.facebook.com/BeeXoomsai
Bee’s Journey Instagram: http://instagram.com/beexoomsai
Bee Xoomsai
Bee’s Journey