ในโพสต์นี้ บีจะมาแชร์ประสบการณ์การคลอดธรรมชาติครั้งแรก (ไม่บล๊อคหลัง) ที่โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิท 49 นะคะ
คืนวันที่ 19 November 2020 บีกับเบนรู้สึกสบายใจมาก พร้อมทุกอย่างค่ะ กระเป๋า Hospital bag ก็เตรียมเสร็จมาหลายอาทิตย์แล้ว ชิว ๆ กัน นอนเร็ว ๆ นะเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า แต่เอาจริง ๆ เป็นคืนที่นอนกันไม่ค่อยหลับเลย ไม่ใช่เพราะกังวลกันนะคะ แต่เพราะตื่นเต้นและรู้สึก Happy มาก ๆ นึกภาพไม่ออกว่าต่อไปชีวิตจะเป็นยังไงค่ะ
เช้าวันที่ 20 November 2020 บีกับเบนตื่นกันประมาณ 05.20hrs ออกจากบ้านไปถึงโรงพยาบาล 05.50hrs และขึ้นไปรายงานตัวที่ห้องคลอดเลย ห้องคลอดที่สมิติเวชมี 3 ประเภทนะคะ คือ ห้องคลอดแบบผ่าคลอด ห้องคลอดธรรมชาติ และ ห้องคลอดธรรมชาติแบบธรรมชาติธรรมชาติ (555) และแน่นอนบีเลือกแบบที่ 3 ค่ะ มันเจ๋งมาก หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
ห้องนี้ ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้สำหรับให้คุณแม่ที่ตั้งใจจะคลอดธรรมชาติโดยไม่ใช้ Epidural หรือบล๊อคหลัง และอยากสามารถลงไปในอ่างน้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลาย (เหรอ?) ขยับขเยื้อน stretching ได้ ฯลฯ ซึ่งตอนที่บีมาทัวร์ห้องต่าง ๆ พอเห็นห้องนี้ปุ๊บก็ชอบเลย และตัดสินใจเลยว่า เราต้องมาคลอดที่ห้องนี้!!!
ขอบอกด้วยว่า คุณสามีแอบไปซื้อ fairy lights มาแต่งห้องด้วย เอาน้ำมันนวด Lavender Oil มาให้ เตรียมผ้าปิดตา sleeping mask มาให้ และบีและเบนก็เตรียม playlist เพลงที่ชอบใน Spotify ไว้ save list หนังบน Nextflix ไว้ วาดภาพไว้ว่าการมาคลอดครั้งนี้ จะ relaxing ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป (เหอ ๆ ) แต่ในความเป็นจริงมันเป็นอย่างไร เดี๋ยวมาฟังกันค่ะ 5555
Labour Timeline
06.20hrs – 1cm Dilated | Induced Labour with Prostaglandin Gel
คุณพยาบาลมาสอดเจอกระตุ้นคลอดให้ เป็นตัวยากลุ่ม Prostaglandin ช่วยทำให้ปากมดลูกนิ่มค่ะ (ปากมดลูกบีเปิดอยู่แล้วประมาณ 1cm นะคะ)
คุณพยาบาลบอกว่า ตอนนี้ยังไม่ต้องลงอ่างน้ำ ยังไม่ต้องใช้ Yoga ball ยังไม่ต้องเริ่มทำท่าเพื่อช่วยการ labour เลยค่ะ ให้รีบนอนพักผ่อนก่อน เพราะตอนนี้จะยังไม่ปวดมาก ยังนอนหลับได้อยู่ อีกซัก 4-5 ชั่วโมงจะเริ่มปวดมากจนนอนไม่ได้ ไว้ตอนนั้นค่อยเริ่มมาลงอ่างมาเริ่มทำท่านู้นท่านี้ค่ะ
07.45hrs | Mild Contraction Started
เริ่มปวดเมนส์แบบเบา ๆ ค่ะ ปวดทีละแค่ประมาณ 30 วิเอง และห่างกันทีละ 10 นาทีค่ะ
ช่วงนี้ทั้งบีก็ยังคุย ๆ กับคุณเบนอยู่ค่ะ ว่า อ๋อ ใช่ละ มันปวดเหมือนปวดเมนส์เลย แต่ไม่แย่นะ
09.00hrs
ตอนนี้เริ่มปวดเมนส์แบบแรงหน่อยแล้วค่ะ แต่ก็ยังไม่แย่ ปวดทีละ 40วิ ห่างกันเกือบ ๆ 10 นาที
ยังลุกเดินไปเข้าห้องน้ำเองได้อยู่ ไม่เป็นอะไรมากค่ะ
ตอนนี้บีเริ่มหายใจ ใช้เทคนิค Lamaze ตามคลิปนี้ช่วงเวลาที่ 02.55 แล้วค่ะ
10.30hrs
ตอนนี้เริ่มปวดแบบมากแล้วค่ะ เริ่มคิดแล้วว่า โอเคเราจะลุกขึ้นมาทำท่า yoga/stretching for labour และจะลงอ่างน้ำร้อนละ แต่พอจะลุกจริง ๆ ก็รู้สึกว่า ไม่เอาดีกว่า มันเจ็บอ่ะอยากนอน
ตอนนี้คุณแม่แวะเข้ามาหา แต่บีบอกว่าไม่อยากคุยกับใครแล้วค่ะ ปวดท้องค่ะ
11.30hrs – 3cm Dilated | Intense Contraction, Amniotomy, IV Drip Pain Relief
เวลานี้จำได้ว่าปวดเมนส์แบบทรมานมากค่ะ บีเคยเป็น water cyst ที่รังใข่ตอนอายุ 20 กว่า ตอนนั้นตื่นมาปวดท้องนึกว่าจะตาย ความรู้สึกปวดท้อง in labour ตอนนี้คือเหมือนตอนที่เป็น cyst ครั้งนั้นเลย
ลุกไปเข้าห้องน้ำ ตอนฉี่เสร็จจำได้ว่าปวดแปล๊บบบบบขึ้นมาตรงปากมดลูกด้วย และก้มมองลงในโถเห็นว่ามีเลือกออกมาเยอะค่ะ ออกมาเลยบอกคุณพยาบาล คุณพยาบาลก็เลยเรียกอาจารย์ประพีร์มาดูค่ะว่าปากมดลูกเปิดถึงไหนแล้ว
อาจารย์ตรวจดู บอกว่า เปิด 3cm ค่ะ และนี่คือปวดแบบปวดหลอก ๆ นะ ยังไม่ปวดจริง ที่จะเริ่มปวดมากจะช่วง 6cm ขึ้นไป และยังบอกด้วยว่า ท้องแรกนี้ปกติปากมดลูกจะเปิดชั่วโมงละ 1 cm ตอนนี้ 11.45am ใช่ไม๊ะ นับไปเลยอีก 7-8 ชม. กว่าจะคลอดน่าจะประมาณ 2 ทุ่มค่ะ
อาจารย์บอกว่าไหน ๆ ก็เปิด 3cm แล้ว จะเจาะถุงน้ำคร่ำให้ เผื่อจะทำให้คลอดเร็วขึ้นค่ะ (การเจาถุงน้ำคร่ำเพื่อให้คลอดเร็วขึ้น คือ Amniotomy ค่ะ)
และอาจารย์ถามว่า ไม่บล๊อกหลังไหวใช่ไม๊? บีบอกไหวค่ะ (แต่อยากจะร้องไห้ 555)
อาจารย์เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นให้ยาแก้ปวดผ่านสายน้ำเกลือ ยานี้จะช่วยลดความปวดได้มากถึง 20%
และถ้าต่อไปไม่ไหวก็ขอบล๊อคหลังได้ค่ะ
13.30hrs | Extreme, Unbearable Contraction Pain
อยู่ดี ๆ หลังจากที่อาจารย์ช่วยเจาะถุงน้ำคร่ำให้ อาการปวดก็ปวดรุนแรงขึ้นอย่างมาก และอย่างรวดเร็วมาก ๆๆๆๆ ค่ะ
ช่วงนี้สิ่งเดียวที่พยายามโฟกัส คือการหายใจแบบ Lamaze Technique แบบในคลิปเดิม แต่เป็นการหายใจสำหรับเวลาที่เจ็บท้องมาก ๆๆๆ ค่ะ คือช่วงนาทีที่ 05.45 ค่ะ
ช่วงสองชั่วโมงนี้เจ็บแบบไม่เคยคิดมาก่อนว่า มนุษย์จะทนความเจ็บได้มากขนาดนี้ และคิดเลย คนสมัยก่อนที่ต้องคลอดลูกเองที่บ้าน ไม่มียา ทำกันได้ยังไง คิดอยู่หลายรอบว่าไม่ไหวแล้ว มันเจ็บมาก เจ็บนานขึ้นด้วย เป็นครั้งละนาทีกว่า และเจ็บถี่ขึ้น ได้พักไม่เจ็บไม่ถึงนาที ไม่ได้เจ็บแค่ปวดเมนส์ x 1000 เท่า แต่รู้สึกเหมือนทุกครั้งที่เจ็บขึ้นมา กระดูกสะโพกกำลังค่อย ๆ แตกเป็นเสี่ยง ๆ มากขึ้น
พอ 13.30hrs เริ่มคิดแล้วว่า นี่ผ่านมาจากเจาะน้ำคร่ำแค่ 2 ชั่วโมง แสดงว่าปากมดลูกน่าจะเปิดแค่ 5cm เอง และอาจารย์บอกไว้ว่าจะเริ่มปวดจริง ๆ ตั้งแต่ 6cm ขึ้นไป และจะเปิดชั่วโมงละ 1cm เราก็มาคิดดูว่า เฮ้ยยยยยยย! นี่คือยังไม่เจ็บของจริงเหรอเนี่ย และเราจะเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ แบบรุนแรง exponential และจะต้องเจ็บอีก 5-6 ชั่วโมงเลยเหรอ โอย ไม่ไหวแล้ว ขอบล๊อกหลังดีกว่า!!! เลยบอกคุณพยาบาลเลยค่ะ ว่าขอ Epidural
ทีมพยาบาลเลยให้ย้ายไปอยู่อีกห้องนึง เป็นห้องคลอดธรรมชาติธรรมดา ก็คือเป็นห้องที่ดูเหมือนห้องพยาบาลปกติ มีเตียงเดี่ยวที่เอนลาดหน่อยค่ะ แต่ตอนลุกขึ้นจากเตียงเดิม เห็นว่ามี show หรือเลือดออกมาเยอะมากค่ะ (คุณหมอก็บอกว่า โอ้โห show เยอะเหมือนกันนะ)
13.55hrs – 9cm Dilated! | Standby for Birthing/Pushing
พอย้ายขึ้นไปนอนบนเตียงห้องคลอดธรรมชาติธรรมดา อาจารย์ก็ขอเช็คขนาดปากมดลูก ปรากฎว่าอจารย์ถามขึ้นมาว่า “จะบล๊อคจริงเหรอ? นี่ปากมดลูกเปิด 9 เซ็นแล้วนะ!” ห๋า!!!??? ทำเปิดเร็วอย่างนี้ ทั้งบีและคุณสามี นึกว่ากว่าจะเปิด 9cm นี่น่าจะเป็นช่วงหกโมงเย็น!!!
คุณหมอบอกว่า อีกประมาณเกือบ ๆ ชั่วโมงนึงก็น่าจะ 10cm แล้ว จากนั้นเบ่งซักชั่วโมงสองชั่วโมงก็คงออกแล้วนะ
บีเลยคิดว่า ถ้า 9cm แล้ว สู้ต่อเลยดีกว่า!!! ไม่บล๊อคหลังค่ะ คิดว่าชั่วโมงสองชั่วโมง เราทำได้!
แต่บีขอบอกเลยค่ะว่า จาก 9cm เป็น 10cm นี่คือเป็นช่วงมหาโหด เหมือนกระดูหลังและสะโพกแตกออกมาแล้ว คุณพยาบาลให้นอนตะแคงค่ะ และมี contraction เมื่อไหร่คุณพยาบาลจะช่วยกดสะโพกให้ ซึ่งบีก็บอกไม่ถูกว่ากะยังไงที่ไหน แต่พอกดแล้วรู้สึกดีขึ้น (นิดหน่อย)
และบอกด้วยว่า ถ้ารู้สึกตุง ๆ ที่ก้นและช่องคลอด และรู้สึกว่าอยากเบ่ง ให้บอกทันที จะได้มาช่วย guide ค่ะ
14.15hrs – 10cm Dilated! | TIME TO PUSH!!!
จากที่นึกว่า ต้องรออีก 1 ชม. ถึงจะเริ่มเบ่งได้ ก็กลายเป็นแค่ 20 นาทีได้เบ่งแล้วค่ะ
ความรู้สึกคือมีอะไรตุง ๆ ที่ก้น เหมือนปวดอึค่ะ 555
อาจารย์บอกว่า เมื่อไหร่ที่มี contractions ให้เบ่งเลย และพยาบาลก็ช่วยกันเชียร์ บอกคุณแม่เบ่งอีก ๆๆๆ อื๊ดดดดดดด อื๊ดดดดดดด อื๊ดดดดดดด
พอเบ่งไป 2 ครั้ง อาจารย์บอกกับทีมพยาบาลทันทีว่า “โอเค เห็นหัวแล้ว ใหญ่อย่างนี้ไม่ออกมาเองง่าย ๆ หรอก เอาชุดตัดฝีเย็บมาเลย” เสร็จแล้วพอเบ่งครั้งถัดไป เรียบร้อยค่ะ คุณหมดตัดเลยอย่างรวดเร็วค่ะ (มีการทาชาบนผิวหนังนิด แต่ตอนตัด/กรีดก็รู้สึกนะคะว่าโดนตัด/กรีดค่ะ) ป.ล. คุณสามีช๊อค 555
หลังจากนั้น จำไม่ได้ว่าเบ่งอีกกี่ครั้ง แต่ที่จำได้คือ ไม่เท่าไหร่ค่ะ แป๊บเดียวคุณหมอบอกว่า หัวออกมาแล้ว!!! แต่ตัวเราเองก็นึกภาพไม่ออกว่าหมายความว่าเห็นออกมามากกว่าเดิม หรือออกมาแล้วทั้งหัว ถึงจุดนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณพยาบาลบอกให้เบ่งก็เบ่ง ให้พักก็พัก
ไป ๆ มา ๆ แป๊บบบบบบบเดียว อาจารย์บอก ไหล่มาแล้ว เบ่งต่ออีก อย่าหยุด อย่าเพิ่งหยุด อีกนิดเดียว จากนั้นก็….พรึ่บบบบบบบบบบ!!!!!!!!!
14.27hrs – Hello Amelia!
และทุกคนก็ยินเสียง แอ๊ แอ๊ แว๊ แว๊ แว๊ แล้วอาจารย์ก็นำเบบี้ตัวใหญ่ มาวางแนบที่หน้าท้อง/หน้าอกค่ะ
หลายคนบอกว่า พอเห็นหรือได้ยินเสียงลูกร้องไห้ครั้งแรกปุ๊บ น้ำตาก็ไหลพราก รู้สึกตื้นตันทันที แต่บีเองตอนนั้นรู้สึกงงมาก ว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตชั้น!!! ทำไมทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก งงค่าาาา!!! 555
14.27hrs เบบี้ ชญาภา Amelia ก็ได้ออกมาลืมตาดูโลก ด้วยน้ำหนัก 3,680g
Baby Amelia ดูสะอาดมากค่ะ เพราะ Full Term จริง ๆ ไม่มีคราบไข คราบเลือดติดตัวเลย ผิวตึงมาก และผมเยอะมาาาากกกกก เหมือนเด็กที่เกิดมาแล้วเกือบ 1 เดือน Test score ทุกอย่าง top score หมดค่ะ
ต้องขอขอบอาจารย์ประพีร์ และทีมคุณพยาบาลทำคลอดที่ช่วยดูแลบีอย่างดีในการคลอดธรรมชาติครั้งนี้ บีรู้สึกว่าเป็นประสบการณ์การคลอดที่ดีและน่าประทับใจมากจริง ๆ ค่ะ 🙂
ป.ล. สรุปแล้วที่เลือกห้องคลอดธรรมชาติแบบธรรมชาติไว้ ไม่ได้ใช้ facillitites อะไรเลยคะ นอนบนเตียงอย่างเดียว สุดท้ายก็ต้องย้ายห้องคลอดธรรมชาติแบบธรรมดา 5555555 (แต่ค่าใช้จ่ายเท่ากันค่ะไม่เป็นไร แหะ ๆ)
ถ้าใครยังไม่เคยอ่าน blog post เกี่ยวกับไตรมาสที่หนึ่งและไตรมาสที่สองของบี คลิ๊กอ่านที่ลิ๊งค์ด้านล่างได้เลยค่ะ
>>> My Pregnancy Journey – 1st Trimester | แชร์ประสบการณ์การตั้งครรภ์ครั้งแรก ไตรมาสที่ 1
>>> My Pregnancy Journey – 2nd Trimester | แชร์ประสบการณ์การตั้งครรภ์ครั้งแรก ไตรมาสที่ 2
>>> My Pregnancy Journey – 3rd Trimester | แชร์ประสบการณ์การตั้งครรภ์ครั้งแรก ไตรมาสที่ 3
Mama Bee’s Journey | Motherhood & Well-being Blog Facebook Page: https://www.facebook.com/BeeXoomsai
Mama Bee’s Journey Instagram: http://instagram.com/beexoomsai
Bee Xoomsai
Bee’s Journey